กลิ่นเชียงคาน
นอกจากด้วยสายตาและการสัมผัส
เรายังแช่แข็งความทรงจำได้ด้วยอีกสิ่งที่เรียกว่ากลิ่น
กลิ่นแป้งหอมที่ย่าชอบโรยหลังอาบน้ำ
กลิ่นหญ้าแฉะแฉะที่สนามโรงเรียนหลังคืนฝนตก
กลิ่นกระดาษของหนังสือเล่มที่หยิบมาอ่านบ่อยที่สุด
กลิ่นหอมฉุยในครัวที่ปลุกเราตื่นทุกเช้า
กลิ่นที่นึกถึงแล้วทำให้เป็นสุข
กลิ่นเชียงคานก็คล้ายคล้ายทำนองนี้
ตีสี่ครึ่งเป็นเวลาที่เราเอ่ยปากทักทายเชียงคาน
พระอาทิตย์ยามเช้าส่งยิ้มตอบมาจากริมแม่น้ำโขง
ครัวหลังบ้านป้าศรีพรรณอวลกลิ่นไอน้ำของข้าวเหนียวนึ่ง
กระติ๊บโต ๆ สี่ห้าใบเรียงรายรอพระบิณฑบาต
หกโมงกำลังดี แนวจีวรสีเหลืองอร่ามก็ผ่านมาหน้าบ้านเรา
ไอร้อนจากข้าวเหนียวก้อนกลมถูกท่ายเทจากมือสู่บาตร
ปั้นไม่ทันเท่าไหร่ แต่สัมผัสได้ถึงความเรียบง่าย งดงาม
กลิ่นยามเช้าของเชียงคานเป็นแบบนี้
ถนนสายสั้นในเมืองเชียงคาน
สองข้างทางที่เราเดินผ่านเรี่ยรายด้วยกลิ่นอารีจากคุณลุงคุณป้า
บ้านไม้สองชั้นเปิดโล่งรับลมราวคุณปู่ใจดีแย้มไมตรีทักทาย
จักรยานคันเล็กคันใหญ่วิ่งฉิวปลิวลม
ไม้ดอกสีสดบานสวยท้าแดด
กลิ่นแมวซนซน
แขกผ่านไปใครผ่านมา ไม่มีอายทั้งนั้น
กระโดดเข้ามาเล่นด้วยเฉยเลย
กลิ่นกระจุกกระจิก ร้านค้ากุ๊กกิ๊กน่าแวะนั่ง
โดยเฉพาะ ‘ไอเดียดีดี’ กับ ‘รักเลย’
ที่ทำให้เกิดอาการ “หลงเลย” จนไม่อยากย้ายก้นไปไหน
ถึงกลางเดือนกรกฎาที่เชียงคานจะร้อนจับใจ
แต่ความน่ารักของร้านรวงและคนแถวนั้น
ทำให้อากาศเย็นลงเยอะเลย :)
กลิ่นอร่อยจากลาบหมูทอดของบ้านป้าศรีพรรณ
มะพร้าวแก้วยายตี๋
ตำด๊องแด๊งของร้านกุมารทอง
ลำไยช่อโตโตราคาแค่ 10 บาท
ไอติมกะทิของคุณลุงบ้านตรงข้ามที่หอมจนอยากกินอีกหลาย ๆ ถ้วย
สุดแสนจะคุ้มค่าคุ้มราคา
มีกลิ่นกินกินทีไร ได้กลิ่นกลมกลมตามมาทุกทีสิน่า ;p
เย็นวันสุดท้าย
ทันได้เห็นท้องฟ้าอาบสีส้มอมม่วงจาง
ไม่เศร้าหรอก,
เพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องกลับมาอีก
ซี ยู ซูน นะ เชียงคาน :)
พอร์เทรตฝีมือหวายรูปเราสามคน
รักทริปนี้จัง, ไว้ไปตะลอนด้วยกันอีกนะ :)))
ปล. ทุกคนได้กลิ่นเชียงคานกันรึยังจ๊ะ?
14 comments